การกล่าวจ้วงจาบพระธรรมวินัยของพระสุภัททะ
พระมหากัสสปเถระเดินทางจากกรุงปาวามากรุงกุสินารา พร้อมด้วยพระสงฆ์บริวารของท่าน ๕๐๐ รูป พระภิกษุสงฆ์เป็นอันมากเกิดความสลดสังเวชใจ ที่ได้ทราบข่าวการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ถึงกับร้องห่มร้องไห้โศกเศร้าเสียใจ แต่มีอยู่รูปหนึ่งชื่อ สุภัททะ ( ไม่ใช่สุภัททะที่มาขอบวชก่อนพระพุทธเจ้าปรินิพาน ) นัยว่าบวชเมื่อแก่แล้ว พูดขึ้นว่า พระพุทธเจ้าปรินิพานเสียก็ดีแล้ว ต่อไปจะได้ไม่มีผู้บังคับกวดขันจุกจิก พวกเราพันจากมหาสมณะนั้นด้วยดีแล้ว เพราะเมื่อก่อนท่านได้เบียดเบียนเรา ด้วยการดักเตือนว่า นี่ควร นี่ไม่ควร สำหรับพวกธอทั้งหลาย บัดนี้พวกเราสบายแล้ว พวกเราต้องการทำสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้น ไม่ต้องการทำสิ่งใดก็ไม่ทำสิ่งนั้น คำพูดของพระสุภัททะ ถือว่าเป็นการกล่าวจ้วงจาบขาดความเคารพต่อพระธรรมวินัย ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นพุทธสาวก เสมือนผู้แสดงตนเป็นกบถต่อพระศาสนา
เสถียร โพธินันทะพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จะไม่ใช่มีพระสุภัททะเพียงรูปเดียวเท่านั้น คงจะมีปาปภิกษุอีกไม่ใช่น้อย ที่มีความคิดเห็นอย่างพระสุภัททะ ข้อความนี้เมื่อท่านไปสอบสวนกับเรื่องราวทางฝ่ายมหายานเข้า ก็ได้พบความจริงว่า นอกจากพระสุภัททะแล้ว ยังมีอลัชชีภิกษุที่มีทิฎฐิดังนั้นมาก และนอกจากนี้ก็ปรากฎต่อมาว่า มีพระต่างบ้านต่างเมือง อีกหลายหมู่หลายคณะต่างถือข้อปฎิบัติตามเจ้าหมู่เจ้าคณะของตน ไม่ยอมเข้าหมู่กับฝ่ายสงฆ์ ที่มีพระมหากัสสปเถระเป็นประมุขอยู่ ในกลุ่มพระสุภัททะนี้ อาจจะเข้าไปอยู่ในกลุ่มพระปุราณะ ที่ทำการคัดค้านสังคายนาครั้งที่หนึ่งก็เป็นได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น