แนวคิดการจัดหมวดหมู่พระธรรมวินัยสมัยพุทธกาล
อันที่จริงความคิดเรื่องสังคายนานั้น ได้เคยมีมาตั้งแต่ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานพระสารีบุตรอัครสาวก ได้เคยปรารภขึ้นเฉพาะพักตร์พระพุทธเจ้า เนื่องจากเมื่อมหาวีระนิครนถ์นาฎบุตรสิ้นชีพแล้ว หลังจากวันสิ้นชีพเพียงเล็กน้อย พวกสาวกก็ย้ายแยกแตกความเห็นกันฝ่ายหนึ่งว่า อาจารย์ว่าอย่างนี้ อีกฝ่ายหนึ่งว่าอย่างนั้น พระสารีบุตรเป็นผู้เลิศทางปัญญา ได้รับเอตทัคคะจากพระพุทธเจ้า มองเห็นกาลไกลว่า ควรจะมีการสังคายนาคำสอนและข้อบัญญัติของพระพุทธเจ้าเป็นครั้งคราว กำหนดจดจำกันไว้ให้แม่นยำ เพื่อมิให้ต้องโต้เถียงและแตกแยกความเห็นกัน เหมือนสาวกมหาวีระ พระพุทธเจ้าตรัสชมความคิดของพระสารีบุตรว่าเป็นแนวคิดที่ดีมาก และพระจุนทเถระปรารภการนิรวาณของท่านมหาวีระ จนสาวกแตกแยกกันเป็นสองฝ่าย ได้เสนอให้มีการสังคายนาพระธรรมวินัย จนพระสารีบุตรเถระได้รับพุทธานุมัติให้จัดทำ แต่พระสารีบุตรก็ทำไม่สำเร็จ นิพพานก่อนพระพุทธเจ้า
พระธรรมวินัย ๑ คือ พระพุทธศาสนา คือตัวแทนพระพุทธเจ้า ดังที่พระอานนท์ได้ทูลถามพระพุทธองค์ว่า เมื่อพระพุทธองค์ปรินิพานไปแล้ว ใครจักเป็นศาสดาแทนพระองค์ พระองค์ได้ตรัสไว้กับพระอานนท์ว่า พระธรรมวินัยเป็นตัวแทนพระศาสดา เมื่อพระองค์ปรินิพานแล้ว ถ้ามีเพียงพระธรรม คือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีสาวกประพฤติปฎิบัติและนำเผยแผ่พระธรรมก็จะหายไป มีเพียงพระวินัยแต่ไม่มีผู้ประพฤติปฎิบัติพระวินัยก็จะหายไปเช่นกัน มีแต่ศึกษาแต่ไม่มีการปฎิบัติหรือมีก็น้อยลงไปทุกทีๆการดำรงมั่นของพระธรรมวินัยก็อาจเสื่อมได้
ดังนั้น การทำสังคายนา จึงหมายถึงการสอบสวนทบทวนถ้อยคำพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้นั้น ให้เป็นที่ยอมรับกันว่าถูกต้อง หรือพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ สวดพร้อมกันเหมือนกับพระสงฆ์สวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็นทุกวันนี้ ถ้าองค์ไหนสวดผิดก็จะรู้กันทันทียิ่งกว่าการเขียนอักษรไทยลงในพระปิฎก ซึ่งอาจจะมีการคลาดเคลื่อนได้ แต่ก็ยังดีในยุคปัจจุบันพระไตรปิฎกยังเป็นหลักฐานยืนยัน อ้างอิงได้ พระสงฆ์สาวกในครั้งนั้น ต้องอาศัยความจำเป็นหลัก จึงต้องพยายามท่องจำกันให้ถูกต้อง ผู้ที่เคยมีชีวิตอยู่ในวัด คุ้นเคยกับการท่องบ่นบ้างแล้ว จะไม่สงสัยในข้อนี้เลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น